Dear Diary สวัสดีไดอารี่ ของนายบี(Yaoi)
เคยอยากเขียนไดอารี่แต่ไม่สำเร็จมั้ย งั้นมาลองดูกันการเขียนครั้งนี้จะนานเท่าไหร่ จะเขียนได้เยอะไหม เรื่องรักของชายรักชายในชีวิตจริง
ผู้เข้าชมรวม
105
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สวัสดีไดอารี่
นี้เป็นการเขียนไดอารี่ครั้งแรกของเรา
แต่มันไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกที่พยายามจะเขียนหรอก มีใครเป็นบ้างแบบ
อยากเขียนเหมือนคนอื่นจัง แต่พอเขียนได้วันสองวัน ก็เริ่มเบื่อและไม่อยากเขียนต่อ
แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่อีกต่อไป เพราะไดอารี่ครั้งนี้ของเรา เราจะเขียนเพื่อชาววาย
เคยอยากอ่านเรื่องจริงประสบการณ์รักจริงๆ ของชาวชายรักชายนะ
แต่ที่เห็นสมัยนี้ก็มีแค่ นิยายวาย ไม่ก็เพจต่างๆที่ทำขึ้นเพื่อเป็นอุทาหรณ์บ้าง ครั้งนี้อยากเขียนนิยายบ้าง
แต่ไม่รู้จะเขียนอะไร ยังไม่มีแรงบันดาลใจ
และยังรู้สึกแยกเรื่องจริงกับเรื่องที่จะจินตนาการไม่ได้ 55+
ใครที่ไม่อยากเครียดหรือไม่อยากจริงจัง
ก็คิดว่ามันเป็นนิยายเรื่องหนึ่งแล้วกันเนอะ แต่เรื่องราวที่จะได้อ่านต่อไปนี้
เราจะเล่าความจริงเป็นส่วนใหญ่นะ หรือแทบจะทั้งหมด
ความฟินไม่รู้จะเท่าเรื่องที่แต่งไหม แต่คิดว่าน่าจะสนุกพอ
สวัสดีเราชื่อบีนะ เราเป็นเด็กจังหวัดกาญจนบุรี
จังหวัดที่เดี้ยวนี้มีแต่รีวิว ท่องเที่ยวเต็มไปหมด
เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งรีสอร์ทสวยๆ
เต็มไปหมด คงคิดว่าดีจังอยู่จังหวัดนี้
มันจะดีกว่านี้มากถ้าเราอยู่ ในอำเภอเมือง ของจังหวัด
แต่ในความเป็นจริงคือเราเกิดในอำเภอเล็กๆที่อยู่ติดกับจังหวัดใกล้เคียง เราเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลางจนถึงล่าง
พ่อกับแม่เราแยกทางกันตั้งแต่เราอายุได้ 5 ขวบ
จำได้ว่าฉากที่พ่อแม่เราตัดสินใจแยกทางกัน ตอนนั้นเราจำอะไรไม่ได้มาก
แต่ภาพที่จำได้คือ เรานั่งอยู่บนตักพ่อที่ประตูหน้าบ้าน และตรงข้าม
คือน้องที่นั่งบนตักของแม่ เราก็พอจะรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่จำ
ความเศร้าตอนนั้นได้ดี เราร้องไห้ เพราะได้ยินพ่อพูดคุยกับแม่ว่า เขาจะไปเอง
ตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรดี
แต่น้ำตาของแม่กลับทำให้เรารับรู้ความรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องน่าเศร้าเพียงใด
สุดท้ายสิ่งที่จำได้คือภาพที่พ่อหันหลังและเดินออกจากบ้านไป เราไม่รู้ว่านั้นจะเป็นการจากลาที่เวลาต่อมาเราจะไม่ได้เจอพ่ออีก
เวลาล่วงเลยผ่านไป จนถึงช่วงประถมเราเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน เป็นโรงเรียนวัดประจำตำบล
หลังจากการเลิกราครั้งนั้น แม่เลือกที่จะทิ้งบ้านของเราเพื่อไปอยู่กับคนรักใหม่ของแม่
เรากับน้องถูกฝากไว้กับตาและยายให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแลและส่งเสียเราเรียน เราเรียนเก่งมากๆ ได้ที่ 1 ไม่ก็ ที่ 2 ของห้องในทุกๆปี จน ป. 3
แม่ของเราเริ่มรับเราไปค้างคืนที่บ้านใหม่ต่างตำบลของเขา ในทุกๆวันศุกร์ของอาทิตย์
เรากับน้องจะหอบเสื้อผ้าไปโรงเรียน เพื่อรอเวลาเลิกเรียน
แม่จะมารับไปยังบ้านต่างอำเภอ เมื่อเราไปถึงภาพที่เห็นคือแม่และแฟนใหม่ของแม่
อยู่ภายในบ้านเช่าแบบบ้านจัดสรร ชั้นเดียว มีเตาอบขนมเค้กอยู่หน้าบ้าน แม่กับแฟนใหม่ของแม่ทำงานกันหนักอย่างมาก
เพื่อหาเงินที่จะสร้างฐานะให้พวกเขาทั้งสอง แม่จะชอบพาเรากับน้องไปยังสระน้ำใกล้ๆบ้าน
เพื่อให้น้องกับเราได้เล่นน้ำอย่างที่อยากเล่น เป็นสระน้ำมาตรฐาน สองสระ
เมื่อเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร ภาพที่เห็นตรงหน้า คือสระน้ำสีฟ้าขนาดใหญ่ หนึ่งสระ
และข้างๆกันเป็นสระน้ำขนาดเล็กสำหรับเด็ก วันเวลาผ่านไปเรา
มีเพื่อนคนใหม่ๆที่รุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้าน เป็นแก๊งเด็กที่รวมเด็กหลากหลายรุ่นอายุราวๆ
7 – 13 ปี ภาพความทรงจำการเล่นกับเพื่อนใหม่นั้น มันมีความสุขมากๆ
เพราะมักจะพากันตะลอนๆ ไปเล่นน้ำที่ริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นฐานลับของพวกเราชาวแก๊ง
เป็นช่วงน้ำลดของปี บริเวณฐานลับของพวกเรานั้น เส้นทางที่จะไปต้องออกจากหน้าหมู่บ้านแล้วเลี้ยวซ้ายมือ
จากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆตามเส้นทาง เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง
ด้านขวามือจะมีต้นจามจุรีย์อันสูงใหญ่อยู่ ข้างๆกันมีเส้นทางเล็กๆ
ลงเนินไปยังพื้นที่ฐานลับ เมื่อเดินลงไปจะพบกับ สันทรายขนาดใหญ่ที่ลอยเด่นขึ้นมาจากแม่น้ำ
อันเนื่องมาจากเป็นพื้นที่บริเวณโค้งน้ำด้านในทำให้ทรายถูกพัดพามากองรวมกันทางด้านนี้
ด้วยระดับน้ำที่ขั้นกลางระหว่างสันทรายนั้นไม่ห่างกันมาก
และบริเวณนั้นก็เป็นบริเวณที่น้ำไหลไม่แรงนัก พวกเราจึงมักจะไปเล่นน้ำ ณ
สถานที่แห่งนี้ มีเชือกที่ผูกเข้ากับยางรถเครื่อง(รถจักรยานยนต์)
ห้อยอยู่เป็นเสมือนเครื่องเล่นทางน้ำเพียงชิ้นเดียว ของฐานทัพ แต่เราก็ไม่ได้ไปที่แห่งนี้บ่อยนัก
เพราะเมื่อไหร่ที่พวกผู้ใหญ่รู้ เราจะถูกดุและถูกทำโทษอยู่เสมอ
เราจึงเลือกที่จะเล่นกันภายในบริเวณหมู่บ้าน อีกหนึ่งกิจกรรมที่ฮิตที่สุดเห็นจะเป็นการเล่นปิดแอบ(ซ่อนแอบ)
ที่สถานที่ก็ไม่ใช่ที่ไหนหากเป็นบ้านร้างภายในหมู่บ้านนั้นเอง
วันหนึ่งเรากำลังรวมตัวกันเพื่อจะไปเล่นปิดแอบ วันนั้นเป็นวันที่บรรยากาศดีมาก
ลมเย็น ท้องฟ้าสดใส มีสมาชิกใหม่ มาเพิ่มอีกคน แต่เหมือนว่าคนในกลุ่มจะรู้จักกับเขาดีอยู่แล้ว
เขาเป็นเด็กผู้ชายที่อายุพอๆกับคนที่อายุเยอะมากที่สุดในกลุ่ม ประมาณ 12-13 ปี
เป็นคนสูง ผิวขาว หน้าตาดีกว่าเด็กคนอื่นๆ
มารู้ทีหลังว่าเขาคือลูกของเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร
วันนั้นเราเลือกที่จะเล่นปิดแอบกัน สถานที่ก็ไม่ใช่ที่อื่นใด
นอกจากบ้านร้างหน้าซอยเขาคนนั้นเป็นผู้โชคร้ายที่เข้ามาทีหลัง เขาจึงต้องเป็นคนหา
เมื่อเขาเริ่มนับ พวกเราต่างก็พากันไปแอบตามมุมต่างๆของบ้าน
เราเลือกที่จะไปกับพี่เต๋า พี่ที่โตที่สุดของกลุ่ม
พี่เต๋าเป็นเด็กที่มีนิสัยเกเรนิดๆ เมื่อวิ่งขึ้นไปชั้นบน
เขาเลือกที่จะไม่แอบอย่างที่เคย แต่เขากลับเอาถังสีแสตนเลสขนาดใหญ่มาผูกกับเชือก
แล้วเมื่อเขาคนนั้นนับถึงจำนวนที่จะต้องออกมาหา
เขากำลังวิ่งขึ้นมาบชั้นสองเราทำได้เพียงมองการกระทำของพี่เต๋า
ที่ค่อยๆหย่อนถังแสตนเลสนั้นลงไป จังหวะเดียวกับที่เขาคนนั้นวิ่งมาทำให้เขาชนกับถังสีพอดี
ทำให้เขาเจ็บอย่างมาก เขาเอามือกุมมือบริเวณที่ชนตลอดเวลา
พี่เต๋าเมื่อความคึกคะนองหมดไปเพราะเขาคนนั้นบาดเจ็บเป้นอย่างมากก็รีบวิ่งลงไปดู
เราทุกคนที่เล่นกันอยู่ต่างตกใจ และวิ่งเข้าไปดูเช่นกัน ภาพที่เห็นคือเขาคนนั้นไม่ว่าอะไรพี่เต๋าสักคำ
ทำเพียงแค่มองหน้าผู้ที่ทำให้เขาเจ็บ จากนั้นก็เดินกลับไปยังบ้านของเขาเงียบๆ
นั้นแหละ รักแรกของเรา ที่เราแน่ใจแล้วว่าเรานั้นไม่ปกติ เราชอบผู้ชายด้วยกัน
แต่พอเรารู้ตัวตนของตัวเอง มันกลับเป้นครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นหน้าเขา เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปเที่ยวเล่นหรือผ่านบริเวณหน้าบ้านของเขานั้น
เราทำได้เพียงมองบ้านของเขา โดยไร้ซึ่งเงาของคนที่เราเฝ้ามองหา จนถึงช่วง ป.4
แม่ของเราเลือกที่จะกลับไปอยู่ที่บ้านที่จากมา แม่กลับมาเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆที่บ้าน
กิจการไปได้สวยอยู่ระยะหนึ่ง พอจบชั้นประถมศึกษาปีที่หก
แม่ของเราเลือกที่จะให้เราไปต่อในโรงเรียนประจำอำเภอซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเราเป็นระยะทางกว่า
15 กิโลเมตร ..........
ผลงานอื่นๆ ของ both2540 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ both2540
ความคิดเห็น